EEI ตอกย้ำพันธกิจ! หนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทย
ส่งผู้เชี่ยวชาญถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านมาตรฐาน EV Charger
สู่ระดับสากล

สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (EEI) เดินหน้าขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทยให้เติบโตอย่างมั่นคงและปลอดภัย โดยได้ส่งผู้เชี่ยวชาญร่วมเป็นวิทยากรอบรมในหัวข้อ “มาตรฐานที่สำคัญของเครื่องอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า” ภายใต้โครงการพัฒนากำลังคนสมรรถนะสูงในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ตอกย้ำบทบาทการเป็นหน่วยงานหลักในการยกระดับมาตรฐานและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ

การบรรยายในครั้งนี้ นำโดย นายราเชนทร์ ม่วงอ่อน ผู้จัดการกลุ่มทดสอบด้านสภาพแวดล้อม และผู้เชี่ยวชาญด้านการทดสอบเครื่องอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าของสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (EEI) ซึ่งได้ร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับเครื่องอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า ทั้งในด้านความปลอดภัย (Safety) และด้านความเข้ากันได้ทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMC) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการใช้งานสูงสุด นอกจากนี้ ยังครอบคลุมถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่ของเครื่องอัดประจุฯ และการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการซ่อมบำรุง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาบุคลากรให้มีความพร้อมรับมือกับเทคโนโลยีแห่งอนาคต

สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ในฐานะหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงอุตสาหกรรม มีพันธกิจสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องของไทยให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันระดับสากล ผ่านบริการทดสอบ ตรวจสอบ และให้การรับรองผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานสากล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) EEI ถือเป็นกลไกหลักที่อยู่เบื้องหลังการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคและผู้ประกอบการ ผ่านการดำเนินงานตรวจสอบและให้การรับรองมาตรฐานของสถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Station) ทั่วประเทศ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสถานีชาร์จทุกแห่งมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุดตามมาตรฐานสากล การดำเนินงานดังกล่าวไม่เพียงแต่สร้างความมั่นใจแก่ผู้ใช้บริการเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศที่สนใจเข้ามาลงทุนในตลาด EV ของไทย สอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลในการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของภูมิภาคอย่างยั่งยืน

ที่มา
แผนกปฏิบัติการ 1

Scroll to Top